โมหสมาธิ หรือสมาธิหัวตอ ที่นักปฏิบัติหลายคนหลงติดอยู่ (หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญโญ)


โมหสมาธิ หรือสมาธิหัวตอ

โมหสมาธิ หรือที่เรียกกันว่า โมหสมาธิ สมาธิหัวตอ สมาธิในลักษณะนี้มีผู้สอน และมีผู้ปฏิบัติกันอยู่มากไม่ว่าอยู่ในประเทศ หรือต่างประเทศ จะสอนและปฏิบัติเอา แต่ความสงบเป็นหลัก ผู้ทำให้จิตมีความสงบลงได้ก็นั่งอยู่นาน ผู้ที่ทำให้จิตสงบไม่ได้ ก็คิดวอกแวกไปมา คิดในเรื่องนั้นบ้างเรื่องนี้บ้าง คิดถึงเรื่องอดีตบ้าง คิดถึงเรื่องอนาคตบ้าง สารพัดที่จะหาเรื่องมาคิดวุ่นวายไปหมด พยายามดึงเข้ามาอยู่ในคำบริกรรมก็นึกไปได้แป๊ปหนึ่ง เดี๋ยวก็หลงไปคิดในสิ่งต่างๆ อีก เป็นอยู่อย่างนี้ ไม่มีความสงบตั้งมั่นได้เลย ผู้ทำจิตมีความสงบได้ก็จะมีความสุข มีความยินดีพอใจในความสุขของความสงบนั้น ถึงจิตจะเริ่มถอดถอนออกจากความสงบมา ก็ไม่อยากให้จิตถอดถอน แต่จำเป็นก็ต้องถอน เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เหมือนการนอนหลับ เมื่อถึงจุดอิ่มตัวของการนอน จำเป็นก็ต้องตื่น ถ้าผู้มีงานเตรียมพร้อมไว้แล้ว ก็เริ่มทำงานต่อไปได้เลย นี้ฉันใด จิตที่ถอนออกจากความสงบแล้ว ผู้ที่เคยได้ฝึกปัญญามาดีเตรียมไว้แล้ว ก็น้อมจิตพิจารณาในปัญญาต่อไปได้เลย บางคนเมื่อจิตได้ถอนออกจากความสงบแล้ว ก็มีความเสียดายในความสุข ที่มีอยู่ในความสงบนั้นๆ อยากจะทำสมาธิให้จิตมีความสงบต่อไป พยายามทุกอย่างจะต้องทำสมาธิให้จิตมีความสงบให้ได้ จะได้มีความสุขในความสงบของสมาธิต่อไป นี้เองจึงเรียกว่า โมหสมาธิ มีความหลงใหลในความสุข และหลงอยู่ในความสงบจนลืมตัว ผู้ทำสมาธิต้องมีปัญญา ศึกษาให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้น จะหลงอยู่ในความสงบสุขต่อไป จะนั่งได้เหมือนหัวตอ ไม่มีปัญญาจะนำมาพิจารณาในหลักสัจธรรมความเป็นจริงนี้เลย

**********************************

สมาธิความสงบเป็นหลักสากล (บางส่วนบางตอน )
หลักการทำสมาธิมิใช่เป็นวิธีที่ทรงค้นพบด้วยพระองค์เองแต่อย่างใด
จะว่าเป็นวิธีเดิม ที่พระองค์เคยฝึกอยู่กับดาบสทั้งสองมาก่อน จะว่าเป็นวิธีของพวกดาบสฤๅษีก็ไม่ผิด พระองค์ทรงเห็นความสำคัญในการทำสมาธินี้ จึงได้นำมาเพื่อเป็นอุบายเสริมปัญญาเท่านั้น เพราะการทำสมาธิทำให้ใจเกิดมีพลัง ใจที่มีพลังจากสมาธินี้เอง จึงนำมาประกอบในการหนุนปัญญา จึงทำให้ปัญญามีพลังในการพิจารณา ในสัจธรรมได้อย่างชัดเจนมากขึ้น มิใช่ว่าทำสมาธิให้จิตมีความสงบได้แล้ว ปัญญาจะเกิดขึ้นตามที่เข้าใจกัน หลักของวิปัสสนานี้ จะมีเฉพาะของพุทธศาสนาเท่านั้น ศาสนาอื่น ลัทธิอื่น จะมาเลียนแบบเอาอย่างตามไม่ได้เลย เป็นหลักเฉพาะผู้ปฏิบัติ ที่จะเข้าถึงมรรคผลนิพพานเท่านั้น ศาสนาอื่นลัทธิอื่นไม่มีสิทธิ์ทำได้อย่างนี้ ส่วนหลักการทำสมาธิเป็นวิธีทำกันได้ทั่วไป คนมีศีลก็ทำสมาธิให้จิตมีความสงบได้ คนไม่รู้เรื่องศีลก็ทำสมาธิให้จิตมีความสงบได้เช่นกัน เช่น พวกดาบสฤๅษี เป็นต้น สมาธิเป็นหลักสาธารณะทั่วไป ไม่ผูกขาดไม่จำกัดบุคคล ไม่จำกัดชาติและศาสนาอะไร การทำฌาน อภิญญาก็เช่นกัน ผู้มีนิสัยในทางนี้ ก็ย่อมทำให้เกิดได้เหมือนกัน เป็นหลักวิธีทำเพื่อหลบอารมณ์ที่เป็นทุกข์ไปชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น พวกดาบสฤๅษีเขาทำกันอยู่ เพราะเขาไม่รู้วิธีดีกว่านี้ เขารู้เท่านี้ก็ทำอยู่อย่างนี้ เพื่อให้มีความสุขใจไปวัน ๆ เท่านั้น พวกชาวพุทธ ที่ไม่ได้ศึกษาวิธีปฏิบัติให้ถึง ซึ่งความพ้นทุกข์ไปได้ ศึกษารู้เพียงสมาธิเท่านี้ ก็สอนกันอย่างนี้ และพากันปฏิบัติได้เพียงเท่านี้ ถึงอย่างไร ก็ยังดีกว่าที่ไม่ปฏิบัติเลย ให้ฝึกทำเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่ตัวเองเอาไว้ ในชาติหน้า เมื่อได้เกิดร่วมศาสนา ของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ก็มีสิทธิ์บรรลุธรรมได้

Reactions